1) โรคเหี่ยวเน่าแดง
Ø สาเหตุ เชื้อรา
2 ชนิด คือ
Fusarium moniliforme และ
Colletotrichum
falcatum
Ø ผลผลิตเสียหาย
30-100 %
CCS ลดลง
Ø ระบาดรุนแรงในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง
เช่น ในเขตชลประทาน หรือพื้นที่นา |
การป้องกันกำจัด
1. เมื่อเกิดการระบาด
ก่อนการเก็บเกี่ยว
(1) เร่งระบายน้ำแปลงที่มีน้ำขัง
(2) งดการเร่งปุ๋ยและน้ำ
(3) รีบตัดอ้อยเข้าหีบ
2. การจัดการแก้ไขหลังเก็บเกี่ยว
(1) รื้อแปลงทิ้ง
(2) ทำลายซากตอเก่า
โดยการคราดออกและเผาทิ้ง
(3) ไถดินตาก ประมาณ 3 ครั้ง
(4) ปลูกพืชสลับ เช่น
ข้าวหรือกล้วยก่อนปลูกอ้อยฤดูใหม่
(5) เปลี่ยนมาปลูกพันธุ์ที่ต้านทาน เช่น คิว
100, เค 76-4, เค 84-200, เค 88-92, เค 88-93
(6) คัดเลือกพันธุ์ที่สมบูรณ์
จากแหล่งที่ไม่เป็นโรค หรือเตรียมแปลงพันธุ์ด้วยตนเอง
(7) ถ้าไม่แน่ใจว่าพันธุ์ต้านทานหรือไม่
ก่อนปลูกควรแช่ท่อนพันธุ์ในสารเคมี เพื่อป้องกันกำจัดโรค
อัตราต่อไปนี้ต่อน้ำ 20 ลิตร : Ø เบนโนมิล (เบนเลท 25 % WP) อัตรา 25
กรัม, Ø ไธอะเบนดาโซล (พรอนโต 90 %), Ø ไธโอฟาเนท-เมททิล (ทอปซินเอ็ม
50 %) 20 มล., Ø โปรพิโคนาโซล (ทิลท์ 250 อีซี.) 16
มล. |
2) โรคแส้ดำ
Ø สาเหตุ เชื้อรา
Ustilago scitaminea
Ø ผลผลิตลดลงเกินกว่า 10 % CCS
ลดลง
Ø ไว้ตอได้น้อยลง
|
การป้องกันกำจัด
1. เลือกใช้พันธุ์ต้านทาน เช่น อู่ทอง1,
อู่ทอง 2, อู่ทอง 3
2.ไม่ควรใช้ท่อนพันธุ์จากแหล่งที่มีโรคระบาด
3. ในพื้นที่มีการระบาด
ถ้าเลือกใช้พันธุ์ที่ไม่ทราบข้อมูลความต้านทาน
ควรแช่ท่อนพันธุ์ในสารเคมี เช่น ไตรอะไดมีฟอน (ไบลีตัน 25 % WP),
โปรปิโคนาโซล (ทิลท์, เดสเมล) อัตรา 48 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร นาน 30
นาทีก่อนปลูก |
3) โรคใบขาว
Ø สาเหตุ
เชื้อไฟโตพลาสมา
Ø ผลผลิตลดลงเกินกว่า 50 %
และไว้ตอได้ไม่ดี
Ø ระบาดในเขตที่เป็นดินทราย
|
การป้องกันกำจัด
1. เมื่อพบการระบาด : -
(1)
ทำลายต้นที่เป็นโรคโดยการขุดออกแล้วเผาทิ้ง หรือฉีดพ่นด้วยยาฆ่าหญ้า
(ไกลโฟเสท 1 %)
(2) เตรียมคัดหาพันธุ์ที่ทนทานต่อโรค เช่น
Phil 58-260, 85-118, 85-105, 87-2-113, 87-2-598, 87-2-1011 และ
85-242
(3) เตรียมแปลงพันธุ์ที่จะมาขยายปลูก
โดยใช้พันธุ์ที่ทนทานและแช่ท่อนพันธุ์ในน้ำร้อน 50 องศา นาน 2
ชั่วโมง ก่อนปลูก เตรียมเป็นแปลงพันธุ์
(4) เมื่อเก็บเกี่ยวแล้ว ควรรือแปลงทิ้ง
เพื่อปลูกใหม่
2. เมื่อเก็บเกี่ยวแล้ว
(1)
ทำการไถดินคราดตอเก่าออกทำลายให้หมด
(2) ถ้าเป็นไปได้
ปรับปรุงดินโดยใช้พืชบำรุงดิน
(3) ถ้าเป็นไปได้ จัดฤดูปลูกให้เหมาะสม
(ตค.-ธค.) เพื่อลดการติด เชื้อโดยแมลงพาหะ
(4) เตรียมท่อนพันธุ์ โดย,
- คัดจากพื้นที่ที่ไม่มีการระบาด เช่น
พื้นที่ในเขตชลประทานที่เป็นดินเหนียว หรือพื้นที่ปลอดโรค
- ใช้ท่อนพันธุ์ที่มีคุณภาพปราศจากโรค
จากแปลงพันธุ์ที่ได้เตรียม |
4) โรคกอตะไคร้
Ø สาเหตุ เชื้อไฟโตพลาสมา
Øผลผลิตอ้อยลดลงทั้งขนาดลำและจำนวนลำต่อกอ
CCS ลดลง
Ø ในอ้อยตออาจรุนแรงมาก
จนต้องไถทิ้ง |
การป้องกันกำจัด
1. ทำลายกอที่เป็นโรค โดยการขุดเผาทิ้ง
หรือฉีดพ่นด้วยยากำจัดวัชพืช เพื่อป้องกันการระบาดสู่กออื่น
ๆ
2. ในกรณีที่มีการระบาดรุนแรง
(1) รือแปลงทิ้ง
เพื่อปลูกใหม่คราดตอเก่าทำลายทิ้ง
(2) เตรียมหาพันธุ์ต้านทาน เช่น F134,
F160, Phil 66-07, อู่ทอง 3, Q 130 หรือลูกผสม เช่น 88-2-46,
89-2-407, 88-2-366, 91-2-434, 92-2-106
(3) สำหรับอ้อยที่จะขยายพันธุ์ก่อนปลูก
ควรแช่ท่อนพันธุ์ในน้ำร้อน 50OC นาน 2 ชม.
(4) งดใช้ท่อนพันธุ์จากแปลงที่เป็นโรค
หรือกอที่เป็นโรค
(5) เมื่อปลูกอ้อยใหม่
ทำลายต้นที่งอกจากตอเก่าให้หมด
(6)
กำจัดวัชพืช |
5)โรคใบขีดแดงและยอดเน่า
Ø สาเหตุ แบคทีเรีย
Pseudomonas
rubrilineans
Ø โรคระบาดรุนแรงในฤดูฝน
Ø หลังฤดูฝนอ้อยจะฟื้นตัว
ได้สร้างหน่อใหม่ |
การป้องกันกำจัด
1. ทำลายกอที่เป็นโรค
2.
ป้องกันการทำลายของหนอนโดยใช้ยาดูดซึม
3. แปลงควรระบายน้ำดี
4.
ไม่ควรใส่ปุ๋ยในโตรเจนเดี่ยวระยะอ้อยอ่อน
5.
กรณีที่ระบาดรุนแรงใช้สารเคมีคอบเปอร์ออกซีคลอไรด์ เช่น คาร์โบซิน
อัตรา 40 กรัม ต่อ 20 ลิตร
6. เมื่อจะเปลี่ยนพันธุ์ปลูกใหม่
(1) ควรเลือกพันธุ์ที่ไม่อ่อนแอต่อโรค เช่น
อู่ทอง 1, เค84-200, เค 88-92
(2) ไถดินตาก
และพักดินก่อนปลูกพันธุ์ใหม่
|
6)
โรคเน่าคออ้อย
(แบคทีรีโอซีส)
Ø สาเหตุ
แบคทีเรียErwinia
carotovora
Ø โรคระบาดรุนแรงในช่วงฤดูฝน
เชื้อไปกับลมฝน |
การป้องกันกำจัด
1. เมื่อพบกอที่เป็นโรคตัดออกเผาทำลาย
เพื่อทำลายแหล่งเชื้อ
2.พ่นสารเคมีแอกกริไมซินบนกอที่ตัดทิ้งและบริเวณรอบ ๆ
กอ
3. เมื่อปลูกอ้อยใหม่
ไม่ควรใช้พันธุ์ที่อ่อนแอ เช่น อู่ทอง 1, อู่ทอง 3 , เค
84-200 |
7)
โรครากโคนเน่าจากเห็ด
Ø สาเหตุ
เชื้อเห็ดMarasmiellus sp.
และ Marasmius stenophylus
|
การป้องกันกำจัด
1. แต่งริดใบล่างให้
แดดส่องถึงโคนกอหรือกำจัดวัชพืช
2. ปลูกอ้อยให้มีระยะห่าง
3. ระบายน้ำไม่ให้มีสภาพน้ำขัง
4. กำจัดหนอนเจาะลำต้น
5. ถ้าทำลายร่วมกับเชื้อรากเน่าอื่น
ควรฉีดพ่นด้วยสารเคมี เช่นเดียวกับโรคเหี่ยวเน่าแดง
(เบนโนมิล)
6. เมื่อปลูกอ้อยใหม่
ควรเลือกใช้พันธุ์ต้านทาน ได้แก่ Q 130, Phil 58-260, Phil 63-17 และ F
156 |
8)
โรคกลิ่นสับปะรด
Ø สาเหตุ
เชื้อราThiellaviopsis paradoxa
Ø อ้อยไม่งอก |
การป้องกันกำจัด
1. เตรียมแปลงอ้อยให้เหมาะสม อย่าให้แล้งจัด
น้ำขังหรือร่มเกินไป
2.
คัดท่อนพันธุ์สมบูรณ์ปราศจากโรค
3. แช่ท่อนพันธุ์ในสารฆ่าเชื้อรา เช่น
ไตรอะไดมีฟอน, โปรปิโคนาโซล หรือเบโนมิล นาน 30 นาที
ก่อนปลูก |
9)
โรคลำต้นเน่า
Ø สาเหตุ เชื้อรา
F.moniliforme |
การป้องกันกำจัด
1) ระบายน้ำจากแปลง
2) ฉีดพ่นโคนกอด้วยสารเคมีเบนโนมิล (เบนเลท
25 % WP) อัตรา 25 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร |
10) โรครากเน่า
สาเหตุ เชื้อรา Pythium
|
การป้องกันกำจัด
1. ปรับปรุงดินให้ระบายน้ำดี
2. ระมัดระวังไม่ให้เกิดแผลที่ราก
3. ไม่ใส่ปุ๋ย ไนโตรเจน เดียว
4. งดการให้น้ำแบบร่อง
เนื่องจากเชื้อระบาดไปทางน้ำ
5. ใช้สารเคมีฉีดพ่นโคนกอ เช่น แมนโคเซบ,
ไธอะเบน-ดาโซล และเมตาเลกซิล+แมนโคเซพ |
11)
โรคใบจุดเหลือง
Ø สาเหตุ เชื้อราMycovellosiella
koepkei
Ø ผลผลิตและ CCS ลดลง
Øโรคระบาดในช่วงที่มีความชื้นสูง
(พค.-ตค.) |
การป้องกันกำจัด
1. ทำลายใบอ้อยเป็นโรค
2. ปลูกอ้อยพันธุ์ต้านทาน เช่น แรกนาร์, เอฟ
108, คิว 100, เค 88-92, เค 76-4, เอฟ 140, เอฟ 154, คิว 130, อู่ทอง 2
และไตรตัน |
12) โรคราสนิม
Ø สาเหตุ เชื้อรา
Puccinia melanocephala
Ø พันธุ์อ่อนแอ
Ø เสียหาย10 50 %
|
การป้องกันกำจัด
1. ใช้พันธุ์ต้านทาน เช่น เอฟ 140,
พินดาร์
2.
ในแหล่งโรคระบาดไม่ควรปลูกอ้อยพันธุ์เดียวกัน เป็นแปลงใหญ่
3. ในระยะเริ่มเป็น
เก็บใบอ้อยที่เป็นโรคมาเผาทำลาย
4. ใช้สารเคมี เช่น ไตรอะไดมีฟอน หรือ
เมตาเลกซิล ฉีดพ่น ใช้อัตรา 20 กรัม/น้ำ 20
ลิตร |
|